วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Outsourcing


การ
 Outsourcing
Outsourcing เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่หลายบริษัทใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะการ Outsource งานที่บริษัทไม่ถนัด ทำไม่ทัน หรืองานที่ต้องลงทุนสูงออกไปให้บริษัทที่มีความพร้อมและความชำนาญกว่าเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบแทน จะช่วยให้บริษัทมีเวลาในการดูแลงานอื่นๆ ที่สามารถสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้บริษัท และช่วยให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ความหมายของ Outsourcing
           Outsourcing จริงๆ แล้วคำนี้วนเวียนอยู่รอบตัวเราแทบทุกวันโดยที่เราไม่รู้ตัว ใครบ้างจะรู้ว่าการซื้ออาหารมารับประทานในแต่ละวันนั้น ก็เป็นการ Outsource รูปแบบหนึ่ง เพราะเป็นการให้คนอื่นทำอาหารให้เรา ดังนั้นอะไรก็ตามที่เราให้ผู้อื่นดำเนินการแทนเรา นั่นล่ะคือการ Outsourceสำหรับในที่นี้จะอธิบายถึงความหมายของการ Outsourcing ดังนี้
1. การซื้ออุปกรณ์ วัตถุดิบ จากผู้ขายภายนอก เป็นการไปหาของจากภายนอกทุกเรื่อง การซื้ออุปกรณ์ต่างๆ บริษัทไม่จำเป็นต้องซื้อเองก็ได้ อาจให้คนหรือบริษัทข้างนอกเป็นผู้จัดหามาให้ ในส่วนนี้มีความหมายกว้างมาก แม้แต่การจ้างแรงงานข้างนอกก็เป็นการ Outsourcing เช่นกัน
2. กลยุทธ์การใช้ทรัพยากรภายนอกเพื่อกิจการทางการค้า บางครั้งอาจเป็นไปได้ที่บริษัท
เราไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทัน จำเป็นต้องจ้างคนภายนอกเข้ามา สำหรับธุรกิจที่ผลิตสินค้าขาย หากมียอดสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ บริษัทเองก็คงไม่อยากทิ้ง เพราะ การที่จะหาลูกค้าใหม่เข้ามา 1 ราย มีต้นทุนค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ยอดสั่งซื้อที่มีเข้ามาจึงไม่ควรทิ้ง หากบริษัททำการผลิตสินค้าเป็นกะ ก็อาจเพิ่มรอบการผลิตเป็น 2-3 กะ แต่ถ้ายังไม่พอก็ควรไปจ้างผู้รับจ้างข้างนอก เพื่อให้บริษัทได้ยอดขายและผลกำไรเพิ่มขึ้นทรัพยากรในที่นี้อาจเป็นคน เครื่องมือ เครื่องจักร เทคโนโลยีต่างๆ ก็ได้ หรือการจ้างผลิตทุกอย่างที่หากบริษัททำเองจะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงกว่าก็ใช่เช่นกัน
3. กลยุทธ์การบริหารจัดการภายในและภายนอกเพื่อประโยชน์สูงสุด ประโยชน์สูงสุดในที่นี้คือทุกอย่างที่บริษัทต้องได้กำไร บริษัทต้องบริหารจัดการภายในให้ได้ด้วย แล้วต้องไปเชื่อมโยง
4. การจ้างองค์กรภายนอก เป็นการจ้างเพื่อทำอะไรก็ได้เป็นเรื่องๆ ไป
5. การจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอก ในงานบางอย่างบริษัทอาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญ กว่าจะส่ง
พนักงานไปอบรมหรือฝึกงาน เพื่อกลับมาทำงานให้บริษัท เมื่อกลับมาพนักงานอาจลาออกเพราะถูกบริษัทอื่นดึงตัวไปร่วมงานด้วยก็ได้ ดังนั้นการพิจารณาจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก อาจจะส่งผลดีต่อการทำงานของบริษัทมากกว่า รวดเร็วกว่า และได้ผลงานที่ถูกต้องตามที่บริษัทต้องการมากกว่า การว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญส่วนมากแล้วบริษัทสามารถใช้งานผู้เชี่ยวชาญได้ทันที
ทำไมต้องทำ Outsourcing
• การแข่งขันสูง
ในภาวะที่มีการแข่งขันสูง ทำให้ธุรกิจต่างๆ มีคู่แข่งเยอะขึ้น การทำ Outsource จะทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน บริษัทจำเป็นต้องรู้ว่าคู่แข่งของตนเป็นใคร ลูกค้าคือใคร ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขายจะเป็นผู้ให้ข้อมูลแก่บริษัท เมื่อการแข่งขันสูง บริษัทต้องหาทางสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยทั่วไปธุรกิจต่างๆ มักแข่งกันด้วยราคาขายสินค้า
• ต้องการประหยัด
ต้องทำ Outsource เพื่อประหยัดต้นทุน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะหน้าที่ของผู้บริหารเท่านั้น การทำ Outsource ต้องพิจารณาด้วยว่าการไปจ้างคนภายนอก บริษัทสามารถประหยัดได้เท่าไร สิ่งนี้เป็นโจทย์ที่ต้องหาคำตอบให้พบ ดังนั้นก่อน Outsource บริษัทต้องดูต้นทุนภายในก่อนว่าเป็นอย่างไรหาก Outsource แล้วต้นทุนจะเป็นเท่าไร และนำตัวเลขมาเปรียบเทียบกัน เพื่อดูว่าบริษัทจะได้ประโยชน์หรือไม่ และจะประหยัดได้เท่าไรก่อนตัดสินใจทำ Outsource ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จำเป็นต้องรู้ความต้องการของบริษัทก่อนต้องรู้ราคาต้นทุนภายในบริษัท หาก Outsource แล้วบริษัทจะได้อะไร และยังต้องดูไปถึงวิธีการบริหารจัดการของผู้รับจ้างกับบริษัทด้วยว่าไปด้วยกันได้หรือไม่
• ต้องการผู้เชี่ยวชาญ เพราะไม่มีการเรียนรู้
ปกติการทำงานของแต่ละบริษัท พนักงานจะต้องมีการเรียนรู้เป็นขั้นตอนไปเรื่อยๆ แต่บางครั้งก็อาจจะไม่ได้มีการเรียนรู้ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัทจึงต้องจ้าผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยในการดำเนินงาน เพราะกว่าที่บริษัทจะส่งพนักงานไปเรียนและกลับมาทำงานให้ อาจจะช้าเกินไป โดยเฉพาะในระหว่างการแข่งขันกับบริษัทคู่แข่ง
• ต้องการกำลังคน
บางบริษัทอาจจำเป็นต้อง Outsource เพราะพนักงานของตนไม่เพียงพอ เช่น การOutsource เพื่อจ้างผลิตสินค้า เป็นต้น เป็นที่น่าสังเกตว่าแผนกบุคคลเป็นแผนกที่ Outsource ง่ายที่สุด แต่บุคลากรแต่ละระดับManagement อาจจะไม่เหมาะในการ Outsource เพราะจะต้องเป็นผู้เข้ามาบริหารจัดการ การ Outsource ของบริษัท
ประเภทของ Outsource
1. IT การ Outsource ทางด้านไอทีจะง่ายมาก เพราะกว่าจะไปซื้อโปรแกรมหรือระบบงานทางด้านไอทีมาติดตั้งเพื่อใช้งาน บริษัทต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ และยังจะต้องเสียเวลา เสียเงินในการฝึกอบรมพนักงาน ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลโปรแกรมนั้นๆ อีกด้วย เหตุที่ระบบไอทีหรือคอมพิวเตอร์ Outsource ง่าย เพราะผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มีน้อย ส่วนใหญ่ไอทีจะเป็นกิจกรรมทางด้านการสนับสนุนการทำงานของบริษัท ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ระบบCall Center เป็นต้น
2. Service หรือบริการต่างๆ เช่น บริการทำความสะอาด บริการรักษาความปลอดภัย
บริการดูแลอาคารสถานที่ เป็นต้น ในส่วนนี้ดูตัวอย่างได้จากธนาคารที่อยู่ตามตึกต่างๆ ซึ่งไม่สามารถใช้บริการรักษาความปลอดภัยของตึกนั้นๆ ได้ จึงมัก Outsource จ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยต่างหากเพื่อมาดูแลรักษาผลประโยชน์ธนาคารสาขาของตน



แหล่งที่มา  www.google.com

6 ความคิดเห็น:

  1. เนื้อหาดีมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. เนื้อหาดีมากเลย

    ตอบลบ
  3. เนื้อหาละเอียดมากครับ

    ตอบลบ
  4. เนื้อหาดีแล้วแต่ควรจะเพิ่มความสวยงามอีกหน่อยนะ !

    ตอบลบ
  5. เนื้อหาดีมากเลยค่ะ ครบถ้วนดีมากค่ะ

    ตอบลบ
  6. เนื้อหาดี เข้าใจง่ายคะ ปุ่มกดไลอยู่ไหนอะคะ อิอิ^^

    ตอบลบ